ประวัติ Precast concrete
งาน precast concrete มี ประวัติการใช้งาน มานานมาแล้วเป็น 100 ปี ตั้งแต่สมัยสงครามโลกที่สอง ประมาณปี 1920-1930 จนเมื่อกลางปี 1950 มีการพัฒนากระบวนการผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป เป้นชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นต้องเทใส่โครงสร้าง และพัฒนาต่อเนื่องอย่างรวดเร็วไปในยุโรป สร้างงานสถาปัตยกรรมที่มีความซับซ้อนและความแม่นยำในดครงสร้างให้มีคุณภาพสูง ในปัจจุบันอุตสาหกรรมโครงสร้างมีการแข่งขันกันสูงขึ้นเรื่อยๆ มีการพัฒนานำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วยเพิ่มคุณสมบัติของวัสดุให้สูงขึ้นและสะดวกต่อการใช้งานให้มากขึ้น งาน Precast concrete ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพก่อสร้างโครงงานต่างๆให้สะดวกและเร็วยิ่งขึ้น โดยจะถูกผลิตล่วงหน้าจากโรงงานจากการออกแบบ ชิ้นส่วน ขนาด รูปร่าง ที่กำหนดตามแบบแผนการออกแบบ เพื่อไปใช้ตามการก่อสร้างต่างๆ เช่น อาคารสูง บ้าน สะพาน ท่อน้ำ เป็นต้น
กระบวนการผลิตของงาน precast concrete
การผลิต งาน precast concrete ให้มีประสิทธิภาพและคุณสมบัติตามมาตรฐาน จะต้องคำนึงถึงปัจจัยในการผลิตดังนี้
- การวางแผนและออกแบบการผลิต ออกแบบแม่พิมพ์ (mold design) ที่เหมาะสม คำนึงถึง ความแข็งแรง ความสวยงานและความต้านทานต่อสภาพอากาศ ลดความเสียหายในกระบวนการผลิต
- การเลือกวัสดุและอุปกรณ์ให้เหมาะสม วัสดุมีคุณภาพสูง เช่น ปูนซีเมนต์ที่มีคุณภาพที่ดี หินฟอสซิลที่ไม่มีตะกอน เหล็กเส้นที่มีคุณภาพ ลวด pc wire ที่มีคุณภาพ
- การควบคุมคุณภาพและการตรวจเช็คการผลิต ที่ได้มาตรฐานที่กำหนด
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น เวลาการบ่ม ให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง
- การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและปรับปรุงให้เข้ากับการผลิตงาน precast concrete จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงานได้สูงขึ้น
- การดูแลบำรุงรักษาเครื่องจักร อุปกรณ์ในการผลิต เพื่อรักษาคุณภาพของ งาน precast concrete อยู่ตลอดเวลา
ก่อนที่คุณจะเลือกผลิตภัณฑ์อะไร เราควรจะศึกษาจุดเด่นจุดด้อยของผลิตภัณฑ์ก่อนเลือกใช้งาน เพราะเราจะได้รู้ถึงข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของเรา ทำให้เราสามารถประเมินคร่าวๆถึงวัตถุประสงค์และการจัดการค่าใช้จ่ายได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุดของโครงการก่อสร้าง โดยเฉพาะในงาน precast concrete ของงานก่อสร้างที่มีความหลากหลายและความปลอดภัยสูง
จุดเด่นของงาน precast concrete
- การ Precast concrete จะมีคุณภาพสูง เพราะเป็นการผลิตก่อนที่โรงงานที่จะลดความผิดพลาดในกระบวนการผลิต สามารถควบคุมทั้งอุณหภูมิ ความชื้นในสภาวะที่ควบคุมง่ายกว่างานคอนกรีตปกติ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูง
- ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการผลิตได้ รวมไปถึงแรงงานน้อยลง ลดการใช้วัสดุและอุปกรณ์ในการก่อสร้าง งาน precast concrete
- มีความยืดหยุ่นมากในการออกแบบ สามารถกำหนดขนาดและรูปแบบต่างๆ ให้สอดคล้องกับโครงการในงานก่อสร้างได้สูง
- สะดวกและปลอดภัย สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างในพื้นที่จำกัดได้ดี และผลิตภัณฑ์ precast concrete เป็นชิ้นเดี่ยวๆ ที่มาต่อกันเป็นชิ้นๆ ไม่ต่อเนื่องเกี่ยวข้องกับโครงสร้างเหมือนโครงสร้างหลอกับที่หน้างาน
จุดด้อยของงาน precast concrete
- ขนาดของชิ้นงานค่อนข้างใหญ่ และน้ำหนักสูง การขนส่งทำได้ลำบาก
- การติดตั้ง งาน precast concrete ต้องความชำนาญงาน
- การเชื่อมต่อกันของงาน precast concrete คอนข้างซับซ้อน
บทสรุปสุดท้าย
ปัจจุบันงานทางด้าน precast concrete ได้มีการเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น ทั้งเทคโนโลยีด้าน jointing ในการประสานชิ้นส่วนของงาน precast concrete โดยใช้ความร้อนและแรงดันสูง เพื่อให้การ jointing แม่นยำและคงทนสูงขึ้น หรือ เทคโนโลยีล่าสุดอย่าง 3D scanning ที่นำมาประยุกต์ใช้ในงาน precast concrete เพื่อตรวจสอบคุณภาพของชิ้นงานและการออกแบบให้แม่นยำขึ้น ในอนาคตของงาน precast concrete มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก การใช้งานที่หลากหลายของ precast concrete ความสามารถการปรับแต่งได้หลากหลาย และการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างของโครงการ รวมถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือในโครงการต่างๆ เช่น สะพานขนาดใหญ่ ท่าเรือ โครงการก่อสร้างพลังงาน โรงงาน และบ้านพักอาศัยที่จะหันมาผลิตจากโรงงานมากขึ้น นอกจากงานโครงสร้างหลักแล้วอาจเพิ่มสูงขึ้นในงาน โครงงานอุตสาหกรรมการเกษรกรรม และงานตกต่างมากขึ้นในอนาคต